5 องค์ประกอบของ LED
LED ย่อมาจาก light emitting diode หรือที่เรียกกันว่าไดโอดเปล่งแสง คือเมื่อมีกระแสไฟฟ้าไหลผ่านเข้ามาที่สารกึ่งตัวนำทำให้อิเล็กตรอนเกิดการเคลื่อนที่ภายในสารกึ่งตัวนำนั้นและส่งผลให้เกิดแสงสว่าง ปัจจุบันนำมาใช้ผลิตเป็นสินค้าได้หลายรูปแบบ เช่น หลอดไฟ LED T8 , โคมไฟ , LED HIGHBAY , LED UFO HIGHBAY , โคมไฟ LED LOWBAY , โคมไฟถนน LED , โคมไฟ LED FLOODLIGHT , LED PANEL LIGHT , LED BULB , LED E40 , LED LINEAR LIGHT , LED DOWN LIGHT , LED CANOPY , LED RECESSEDED , LED BATTEN LIGHT , led recessed ceiling lights เป็นต้น ดังนั้น 5 องค์ประกอบที่ควรรู้เพื่อวิเคราะห์ลักษณะของดวงโคมไฟ นั้นมีอะไรบ้างเราไปรู้จักกันเลย
1. เม็ดชิป หรือ CHIP LED (LED PACKAGE)
เม็ดชิบนั้นถือว่าเป็นพระเอกของโคมไฟเลยก็ว่าได้ เนื่องจากเป็นตัวกำหนดค่าต่างๆ ของแสงไม่ว่าจะเป็นค่าประสิทธิภาพการส่องสว่าง โทนสีของแสงไฟ ค่าความเข้มของแสง อุณหภูมิสี ตัวบ่งบอกการกินกระแส
2.Driver
เป็นอุปกรณ์ที่มีหน้าที่ควบคุมแรงดันและกระแสไฟฟ้ากระแสตรงให้กับหลอด LED โดยแรงดันที่จ่ายให้กับ LED นั้น หนึ่งดวงจะอยู่ที่ประมาณ 2-4Vdc เท่านั้นแต่สิ่งสำคัญของไดร์เวอร์คือต้องจ่ายกระแสให้คงที่มากที่สุดไม่ว่าแรงดันภายนอกจะเป็นไปอย่างไร และการจ่ายกระแสไฟต้องเป็นไปตามที่ผู้ผลิตชิปกำหนดเท่านั้นจึงจะทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ดังนั้น ไดร์เวอร์ที่ดีต้องไม่ทำให้หลอดไฟกระพริบ และ ต้องไม่เน้นสว่างเพียงอย่างเดียว ต้องคำนึงถึงความปลอดภัยด้วย
3. Lens / Reflex / Pc cover
เป็นอุปกรณ์ที่มีส่วนช่วยในการกำหนดทิศทางของแสง โดยที่ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้แสงมุมกว้าง หรือ มุมแคบ หรือ จะใช้ในลักษณะเฉพาะจุดใดจุดนึ่ง
4. PCB
PCB (Print Circuit Board) คือ ส่วนประกอบพื้นฐานที่สำคัญของวงจรอิเล็กทรอนิกส์ เป็นทางเดินสัญญาณไฟฟ้าของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ที่อยู่บนแผงวงจร ทำให้อุปกรณ์ต่าง ๆ เชื่อมต่อกันได้ และสามารถทำงานได้อย่างถูกต้องตามที่ได้ออกแบบไว้ PCB ประกอบไปด้วยแผ่นฐานหรือซับสเตรท (substrate) ที่ทำจากแผ่นฉนวนบาง ๆ อัดยึดรวมกันด้วยพลาสติกประเภทเทอร์โมเซตติ้ง (Thermosetting plastic) เพื่อรองรับแผ่นตัวนำที่ใช้เชื่อมต่อสัญญาณไฟฟ้าระหว่างอุปกรณ์ ส่วนวัสดุที่ใช้ทำซับสเตรตที่นิยม เช่น กระดาษชุบฟีนอลลิกอัด , อีพ็อกซี่ไฟเบอร์กลาส เป็นต้น
5.Housing
Die cast คือจะเป็นกระบวนการผลิตชิ้นส่วนโลหะโดยการบังคับให้โลหะหลอมเหลวภายใต้แรงดันสูงแล้วใช้แบบสองชิ้น ซึ่งจะแกะให้มีช่องว่างระหว่างแบบเมื่อเอาแบบทั้งสองมาประกบกันก็จะเกิดช่องว่างมีรูปร่างเป็นของที่ต้องการจะตีขึ้นรูป และการตีขึ้นรูปจะใช้แรงกระแทกอย่างแรง โดยยกตัวแบบด้านหนึ่งขึ้นสูงและปล่อยให้ตกลงมากระแทกกับแบบอีกด้านหนึ่งซึ่งอยู่กับที่ การตีขึ้นรูปในลักษณะนี้ก็เช่นเดียวกันอาจต้องทำเป็นขั้น ๆ จนกว่าจะได้รูปร่างของโลหะสุดท้ายตามต้องการ
การอัดขึ้นรูป (Extrusion) ใช้กับโลหะที่มีความเหนียวสูง โดยวิธีอัดโลหะภายในด้วยความดันสูงและให้โลหะเคลื่อนที่ออกไปทางช่องว่างระหว่าง Die ซึ่งจะเป็นรูปร่างตามที่ออกแบบไว้ วิธีการอัดขึ้นรูปมีสองลักษณะคือ Direct Extrusion และ Indirect Extrusion